อาหารที่สมดุล: เพลิดเพลินกับมื้ออาหารของคุณโดยไม่กระทบต่อสุขภาพ
การรักษาอาหารที่สมดุลเป็นสิ่งสําคัญต่อสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดี แต่พวกเราหลายคนต้องต่อสู้ กับอันตรายที่ซ่อนอยู่ของการบริโภคคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป โดยปกติเมื่อเราบริโภค อาหาร เช่น พาสต้า หรือ ข้าว เราอาจไม่รู้ว่าเรากําลังกินคาร์โบไฮเดรตกี่กรัม พาสต้าทั่วไปมีคาร์โบ ไฮเดรตประมาณ 40-45 กรัม ในขณะ ที่ข้าว 1 จานปกติมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตตั้งแต่ 45 ถึง 60 กรัม ปริมาณเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและอาจเกิน ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่แนะนําในแต่ละวัน ซึ่งนําไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ
ทําความเข้าใจความต้องการคาร์โบไฮเดรต
แนวทางด้านสุขภาพแนะนําว่าผู้ใหญ่โดยเฉลี่ยควรตั้งเป้าไว้ที่คาร์โบไฮเดรตประมาณ 225 ถึง 325 กรัมต่อวัน โดยอิงจากอาหาร 2,000 แคลอรี่ ซึ่งหมายความว่าอาหารแต่ละมื้อควรมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 75 ถึง 100 กรัม อย่างไรก็ตาม สิ่งสําคัญคือต้องพิจารณาว่าคาร์โบไฮเดรตบางชนิดไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเท่ากัน การบริโภค คาร์โบไฮเดรตขัดขาวมากเกินไป เช่น ขนมปังขาว พาสต้า และข้าว อาจทําให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น และมีส่วนทําให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคหัวใจ
ความเสี่ยงของการบริโภคคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป
เมื่อเราบริโภคคาร์โบไฮเดรตมากกว่าที่ร่างกายต้องการเป็นประจําส่วนเกินจะถูกเก็บไว้เป็นไขมัน สิ่งนี้สามารถ นําไปสู่การเพิ่มน้ำหนักและเพิ่มความเสี่ยงของความผิดปกติของการเผาผลาญ เมื่อเวลาผ่านไปการบริโภค คาร์โบไฮเดรตในปริมาณสูง อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของเรา จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด มะเร็ง โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง และเบาหวาน มีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิต 71% ของโลก ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิต 15 ล้านคนจากโรค NCD ระหว่างอายุ 30 ถึง 69 ปี
ทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ: แป้งคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีแคลอรี่
ที่ Anacot Revtaurant เราเข้าใจถึงความสําคัญของการเพลิดเพลินกับอาหารอร่อยโดยไม่กระทบต่อสุขภาพ ของคุณ นั่นเป็นเหตุผลที่เราคิดค้นนวัตกรรมด้วยคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีแคลอรี่ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Anacot อาหารที่ทำจากแป้งของเราช่วยให้คุณอิ่มอร่อยและลดความเสี่ยงของการบริโภคคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป
ประโยชน์ของแป้งคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีแคลอรี่ของเรา
- ด้วยแป้งคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีแคลอรี่ คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารจานโปรด เช่น พาสต้า ข้าว และเบเกอรี่ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องคาร์โบไฮเดรต
- ลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง : ารลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตด้วยแป้งที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของเรา ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานโรคอ้วนและโรคเมตาบอลิซึมอื่น ๆ
- อุดมไปด้วยพรีไบโอติก : แป้งของเราอุดมไปด้วยพรีไบโอติก ซึ่งผ่านระบบย่อยอาหารโดยไม่ถูกย่อย สลายในกระเพาะ และยังเป็นอาหารของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ลําไส้
- ส่งเสริมแนวคิดความยั่งยืนและมีคุณค่าทางโภชนาการ : แป้งของเรามาจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืนและ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพโดยไม่ลดทอนรสชาติ หรือคุณภาพ
- ประโยชน์ทางเศรษฐกิจสําหรับเกษตรกร : นอกเหนือจากประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว แนวทางปฏิบัติใน การสรรหาวัตถุดิบเราทํางานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น สําหรับข้าวฟ่างคุณภาพสูงที่ใช้ในแป้งของเรา ด้วยการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นและส่งเสริมแนวทาง การทําเกษตรอย่างยั่งยืน แนวทางนี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร แต่ยังช่วยให้มั่นใจได้ถึงการ จัดหาวัตถุดิบชั้นยอดสําหรับอาหารของเราอย่างสม่ำเสมอ
- ข้าวฟ่างซึ่งเป็นส่วนผสมหลักในแป้งคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีแคลอรี่ของเรามีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ข้อได้เปรียบที่สําคัญประการหนึ่งของข้าวฟ่างคือความสามารถในการดักจับคาร์บอน ช่วยลดก๊าซ เรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ การปลูกข้าวฟ่างต้องการน้ำน้อยกว่าและปัจจัยการผลิตน้อยกว่าเมื่อ เทียบกับธัญพืชอื่นๆทําให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่า เพราะการปลูกข้าวฟ่างมีส่วนช่วยสร้างโลกให้มี สุขภาพดีขึ้น และยังเป็นตัวเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและอร่อย.
เพื่ออนาคตที่มีสุขภาพดีขึ้น
ที่ Anacot Revtaurant เราทุ่มเทเพื่อกําหนดนิยามใหม่ของการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เมนูของเราได้รับ การออกแบบมาเพื่อนําเสนออาหารที่สมดุลและมีคุณค่าทางโภชนาการที่ช่วยให้คุณรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี ไม่ว่าคุณจะต้องการจัดการอาหาร ปรับปรุงสุขภาพลําไส้ หรือเพียงแค่เพลิดเพลินกับอาหารแสนอร่อยที่ไม่มี คาร์โบไฮเดรตส่วนเกิน รับประทานอาหารกับเรา คุณจะเพลิดเพลินกับการทานอาหารจานโปรดของคุณให้เป็น ไปตามเป้าหมายด้านสุขภาพของคุณ
เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อสํารวจเมนูของเราและทําการจองวันนี้
Sources:
1.”Carbohydrates: How carbs fit into a healthy diet” by Mayo Clinic
2. “Carbohydrates and Blood Sugar” by Harvard T.H. Chan School of Public Health
3. “Noncommunicable diseases” by World Health Organization (WHO)